รส สิ วลี
คำที่แผลงจากคำต่างๆ เช่น กษัย-กระษัย สกุล-ตระกูล ตุลาการ-ตระลาการ คำที่ไม่ต้องประวิสรรชนีย์ 1. คำไทยบางคำ เช่น ณ ธ พณ 2. คำที่ออกเสียงสระ อะ เพียงครึ่งเสียง และคำที่ออกเสียงแบบอักษรนำ เช่น กนก ขนาด ขยะ 3. คำที่เพิ่มตัว ม หน้า ตัว ล ที่ใช้ในการแต่งคำประพันธ์ เช่น ลวก-มลวก ลิ้น-มลิ้น ลาน-มลาน 4. คำเดิมที่ไม่ประวิสรรชนีย์ แล้วแผลงคำโดยการเพิ่มตัว ร เช่น ชอุ่ม-ชรอุ่ม ชไมขชรไม จมูกขจรมูก 5. คำบาลีสันสกฤตที่ออกเสียง อะ ในระหว่างคำ เช่น คณะ สรณะ ขณะ 6. คำที่มาจากภาษาอังกฤษ ที่พยัญชนะต้นเป็นพยัญชนะประสม เช่น สลัม สแลง สลุต พยางค์ที่ออกเสียงสระ ออ 1. คำภาษาไทยที่ประสมกับสระออโดยมีตัว ออ กำกับ เช่น พ่อ ท่อ หม้อ 2. คำภาษาไทยที่ไม่มีตัว ออ กำกับ เช่น บ บ่ 3. คำภาษาอื่นที่ไม่ใช่ภาษาบาลีสันสกฤต เช่น ฮ้อ นอต ลอร์ด 4. คำที่มาจากภาษาบาลีสันสกฤตที่ประสมตัว ร ครไทยออกเสียงเป็นตัวสะกด เช่น กร จร นคร ออกเป็นเสียง ออ เช่นจรลี ทรชน หรดี พยางค์ที่ออกเสียงสระ เออ ปัจจุบันใช้สระเออที่มีตัวสะกด คงรูปเพียงสองคำ คือ เทอญและเทอม นอกนั้นเป็นคำที่ใช้สระเออ เปลี่ยนรูป เช่น เดิน เพลิน เกิน พยางค์ที่ออกเสียงสระ อำ พยางค์ที่ออกเสียงอำ เขียนได้ 3 รูป คือ อำ อัม และ อรรม มีวิธีการเขียนดังนี้ 1.
ใช้โดดๆ แปลว่า หรือ ไม่ มักจะใช้ในคำประพันธ์ เช่น ฤๅ จะมี = หรือจะมี 2. ใช้เป็นพยางค์หน้าหรือหลังของคำที่มาจากสันสกฤต เช่น ฤดู ฤดี ฤชา 3. ให้ประสมกับพยัญชนะ คล้ายกับตัว ร ควบเฉพาะคำที่มาจากบาลีสันสกฤตและคำแผลงบางคำ เช่น ปฤจฉา กฤษณา ทฤษฎี พยางค์ที่ใช้สระ ฤๅ สระ ฤๅ มีวิธีใช้ดังนี้ 1. คำโดดๆไม่ประสมกับพยัญชนะ แปลว่า หรือ อะไร ไม่ ไม่ใช่ โบราณใช้ทั้งในร้อยแก้วและคำประพันธ์ แต่บัดนี้นิยมใช้แต่ในคำประพันธ์เท่านั้น เช่น ฤๅเบา ทำฤๅ ตนฤๅ 2.
คำไทยที่มีเสียงไอ นอกเหนือจากคำที่ใช้สระ ใอ 20 คำ เช่นไฉไล ไป ไกล ไหม ลำไย จุดไต้ 2. คำสันสกฤตเดิมที่มีสระไออยู่แล้ว เช่น ไกรพ ไพฑูรย์ ไมตรีไพชยนต์ 3. คำบาลีสันสกฤตที่แผลง อิ อี เอ เป็น ไอ เช่น วิจิตร – ไพจิตร ตรี – ไตร 4.
00 13893 33 หน้า 52946 21 หน้า ฿30. 00 84457 95295 18 หน้า ฿24. 00 23113 69824 189 หน้า ฿180. 00 93597 28 หน้า ฿23. 00 17865 51 หน้า ฿35. 00 76266 ฿38. 00
เป็นเสียงที่เกิดจากลม บริเวณเส้นเสียง ผ่านมาทางช่องระหว่างเส้นเสียง แล้วกระทบอวัยวะต่างๆ ในช่องปาก ที่เรียกว่าฐานกรณ์ เช่น ริมฝีปาก ริมฝีปากกับฟัน ฟันกับปุ่มเหงือก ๒. พยัญชนะไม่สามารถออกเสียงตามลำพังได้ ต้องอาศัยเสียงสระช่วย จึงจะสามารถออกเสียงได้ เช่น ใช้ สระออ ออกเสียง กอ ขอ คอ งอ ๓.
eir ตามหลังพยัญชนะ W เท่ากับสระ เอีย และจะมีตัวสะกดหรือไม่ก็ได้ weir เวีย เขื่อนในแม่น้ำ weird เวียด แปลก พิกล ere สระ แ บ้าง เ-อ บ้าง สระ เอีย บ้าง ต้องจดจำเป็นคำๆไป หมั่นดูพจนานุกรม where แว ที่ไหน here เฮีย ที่นี่ there แด ที่นั่น mere เมีย เท่านั้น สระน้ำ cerement เซียมึนท ตราสัง (ศพ) sere เวีย เหี่ยวแห้ง
1. สระเสียงเดี่ยว จำนวน 9 ตัว ได้แก่ a ออกเสียง อา o ออกเสียง ออ e ออกเสียง เออ ê ออกเสียง เอ (z-r) i ออกเสียง อือ er ออกเสียง เออร์ i ออกเสียง อี u ออกเสียง อู ü ออกเสียง อวี 2.
E ที่เป็นสระตัวเดียว ในคำพยางค์เดียวโดยไม่มีตัวสะกด จะมีค่าเท่ากับ อี he ฮี เขา she ชี หล่อน we วี พวกเรา E นอกจากกฎที่กล่าวมาข้างต้น E อาจมีค่าเท่ากับ อิ อี หรือ เอ แต่ทั้งนี้คำนั้นต้องเป็นคำตั้งแต่สองพยางค์ขึ้นไป ซึ่งต้องหมั่นดูพจนานุกรม erase อิเรซ ลบออก ขูดออก epoch อีพ็อค ยุค สมัย general เจนนึรัล ทั่วไป พลเอก seven เซเว็น เจ็ด resent ริเซนท โกรธเคือง er สระ อี เมื่อไปผสมตำอ่านจะมีตัวสะกดหรือไม่ก็ได้ เช่น tea ที น้ำชา sea ซี ทะเล heat ฮีท ความร้อน teak ทีค ไม้สัก bean บีน ถั่ว Notice!